ระดับความมั่งคั่งของคุณ

คุณอยู่ใน

ระดับสีแดง

ผู้เอาตัวรอด (Survivor)

GeniusU คือพื้นที่ที่คุณสามารถเข้ามาเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ทุกมุมโลก

ขอแสดงความยินดีด้วย คุณอยู่ในระดับ สีแดง

ระดับสีแดงคือระดับที่ 2 จากสเปคตรัมแห่งความมั่งคั่งทั้ง 9 ระดับ ระดับสีแดงทําเงินได้แค่พอใช้ในแต่ละเดือน คุณอาจจะมี ธุรกิจที่ประสบความสําเร็จ แต่ถ้าคุณทําได้แค่เอาตัวเองรอด ปัญหาทางธุรกิจทุกประการจะกลายมาเป็นปัญหาส่วนตัว นั่นหมายความว่า คุณก็จะกลายเป็นภาระที่หนักที่สุดของธุรกิจของคุณเอง

ในระดับนี้คุณทําได้แค่อยู่รอดไปในแต่ละเดือน แต่มันรู้สึกเหมือนกับนักวิ่งบนสายพานที่ต้องวิ่งอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะ พยายามวิ่งให้เร็วแค่ไหน ท้ายที่สุดคุณก็อยู่กับที่อยู่ดี ไม่ว่าคุณจะให้คนอื่นมากแค่ไหน หรือทําเงินมากเท่าไร ก็ไม่เหลือให้เห็น มากนัก เวลาที่ไม่มีอะไรไหลออกมาจากก๊อกน้ํา ต่อให้คุณเปิดก๊อกแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อยู่ดี มันถึงเวลาต้อง ออกแบบระบบประปาใหม่แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าความพยายามของคุณได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม และคุณมีกระแสเงินสด ส่วนตัวเป็นบวก บ่าวดีก็คือ วิธีการหลุดพ้นจากระดับสีแดงเป็นขั้นตอนที่ทําตามได้อย่างง่ายดาย

ความมั่งคั่ง 9 ระดับ

ปริซึมสามผู้ประกอบการ

ระดับของคุณ คือ หนึ่งในเก้า แบ่งออกเป็นประภาคารประกอบการเหล่านี้เชื่อมโยงความมั่งคั่งทั้งหมด ไหลจากบุคคลสู่เชิงพาณิชย์สู่สากล - สิ่งนี้ครอบคลุมทั้งโลกแห่งความมั่งคั่งที่เราอาศัยอยู่ รวมถึงสามระดับซึ่งประกอบกันเป็นเก้าระดับของประภาคารผู้ประกอบการ คุณอยู่เสมอ เพียงครั้งเดียวในแต่ละระดับและการเห็นทุกระดับจะช่วยให้คุณเห็นภาพที่คุณต้องการ - และ ไม่ต้องการ

ปริซึมระดับพื้นฐาน (The Foundation Prism)

ปริซึมนี้เป็นระดับที่คุณจะต้องสร้างความเชี่ยวชาญด้านความมั่งคั่งของตนเองด้วยการ สร้างคุณค่าเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินได้อย่างล้นเหลือไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร

ปริซึมระดับกิจการ (The Enterprise Prism)

ปริซึมนี้คือระดับที่คุณสร้างความเชี่ยวชาญในการสร้างความมั่งคั่งจากกระแสเงินที่ไหลเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ ด้วยการบริหารเงินทุนและกิจการของคุณให้เกิดผลลัพธ์เป็น คณค่าและเงินผ่านการทํางานของทีมงานและระบบเศรษฐกิจ

ปริซีมระดับนักเล่นแร่แปรธาตุ (The Alchemy Prism)

ปริซึมนี้คือระดับที่คุณสร้างความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับความมั่งคั่งที่ไหลผ่านสังคมระดับโลก บุคคลที่อยู่ในปริซึมระดับนี้เป็นคนที่สร้างสกุลเงินขึ้นมาและเป็นผู้วางกฎเกณฑ์ต่างๆ ของ ระบบเศรษฐกิจ

เหตุใดการเลื่อนชั้นไปตามปรซึมทั้ง 3 ระดับตามลําดับนั้นจึงมีความสําคัญนัก? นั่นเป็นเพราะ พวกเราหลายๆคนมีความ ปรารถนาที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แต่หนทางเดียวที่จะสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่ มุ่งหวังได้ มาจากการมีความเชี่ยวชาญในความลื่นไหลระดับชมชน (ประเทศ) ก่อน เราจะสามารถทําเช่นนั้นได้หลังจาก ที่มีความเชี่ยวชาญในกระแสความลื่นไหลในการทําธุรกิจแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่า เราจําเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญใน กระแสความลื่นไหลส่วนบุคคลเป็นอันดับแรก คุณก็เหมือนกับกัปตันเรือที่ต้องการออกเรือไปสู่ท้องทะเล คุณก็ต้อง เริ่มต้นจากการไปเป็นลูกเรือของเรือลําอื่นๆ ก่อน และการจะไปเป็นลูกเรือได้นั้น คุณต้องเรียนว่ายน้าให้เเข็งเสียก่อน!

นี่คือความแตกต่างระหว่างปรซึมแห่งความมั่งคั่งทั้ง 3 ระดับ จากการมีความเชี่ยวชาญในกระแสแห่งความลื่นไหลส่วน บุคคลไปสู่การมีความเชี่ยวชาญในกระแสแห่งความลื่นไหลในการทําธุรกิจ และไปสู่การมีความเชี่ยวชาญในกระแส แห่งความลื่นไหลระดับโลก ในแต่ละปั้นตอน คณได้สร้างให้ตัวเอง “มีสิทธิ” ในการเลือนไปสู่ระดับที่สูงนั้น เมื่อคุณเข้าใจ แต่ละระดับ ก็เหมือนการเปลี่ยนเกียร์ไประดับถัดไปและเปลี่ยนจังหวะก้าวเดินของทีมงาน ของบริษัท และทองอุตสาหกรรม ไปตามฤดูกาลการทําธุรกิจได้อย่างไม่มีสะดุด

ความมั่งคั่ง 9 ระดับ

ความมั่งคั่ง 9 ระดับเป็นตัวชี้วัดระดับความเชี่ยวชาญในการสร้างคุณค่าและทําให้คุณค่าทวีคูณจนให้เกิดผลกําไร เนื้อหา ต่อจากนี้คือภาพรวามของความมั่งคั่งทั้ง9ระดับ ขอให้อ่านโดยระลึกว่า ณ ตอนนี้คุณอยู่ที่จุดไหนและวางแผนจะไปถึงจุดไหน

ปริซึมระดับพื้นฐาน (The Foundation Prism)

ระดับใต้สีแดง: เหยือ (Infrared :Victim)

บุคคลในระดับใต้สีแดงเป็นหนี้มากขึ้นทุกเดือน ระดับใต้สีแดงเกิดจากการที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ กระแสของเงินที่ไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ และวิธีการหลุดพ้นจากระดับนี้คือต้องสร้างวินัย และทําหน้าที่ของตนให้ดีเปรียบได้กับว่าหากระบบท่อประปาในบ้านคุณเกิดจุดรั่ว คุณก็จําเป็นต้อง ซ่อมระบบท่อนั้นให้ดีก่อนที่จะเริ่มเติมน้ำเข้าไปและคุณ

ระดับสีแดง: ผู้เอาตัวรอด (Red : Survivor)

บุคคลในระดับสีแดงทําเงินได้เพียงแค่พอใช้จ่ายแต่ไม่เหลือเงินเก็บ คณอาจจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่ ประสบความสําเร็จ แต่ถึงคุณจะมีเงินพอใช้จ่ายสําหรับส่วนตัวก็ไม่ช่วยอะไร เพราะปัญหาใน ธุรกิจจะกลายมาเป็นปัญหาส่วนตัวโดยปริยาย นั่นหมายความว่าคุณเองจะดึงเงินจากธุรกิจมา ใช้ส่วนตัวแล้วคุณก็จะกลายเป็นภาระที่หนักที่สุดของธุรกิจของคุณเอง

ระดับสีส้ม: มนุษย์งาน (Orange: Worker)

บุคคลในระดับสีส้มคือคนที่ทํางานหาเงินเพื่อดํารงชีวิต ไม่ว่าคุณจะทํางานประจําหรือทํางานอิสระ ถ้าหากคุณอยู่ในระดับสีส้มคุณจะต้องทํางานหนักเพื่อหาเงินให้พอใช้และคณไม่รู้ว่าจะเพิ่มรายได้ ของตนให้มากกว่าเดิมสอง-สามเท่าได้อย่างไร โลกสีส้มนั้นคือโลกที่คุณต้องวิ่งไปหาเงิน เงินไม่ถึง มาหาคุณ

ปริซึมระดับกิจการ (The Enterprise Prism)

ระดับสีเหลือง:นักดนตรี (Yellow: Player)

บุคคลในระดับสีเหลืองนั้นมีพลังในการสร้างทางเดินของตัวเอง คุณรู้วิธีการสร้างคุณค่าและทําให้ คุณค่านั้นทวีคณจนเกิดผลกําไร และทําเงินในตลาดเฉพาะกลุ่ม niche market) ที่คณเชี่ยวชาญ คณได้สร้างอสรภาพให้กับตนเองในระดับหนึ่ง แต่รายได้ของคุณยังจํากัดอยู่และกิจการของคุณ ยิ่งพึ่งพาตัวคุณมากกว่าผู้อื่น

ระดับสีเขียว: นักดนตรีน่า (Green : Performer)

บุคคลในระดับสีเขียวบริหารกิจการต่างๆ การนําทีมโดยเกิดผลกําไรนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ การทํางานด้วยตนเอง แต่ผลที่ได้รับนั้นมากกว่าร้อยเท่าพันทวี ในvณะที่บุคคลระดับสีเหลือง สร้างรายได้จากการที่ตัวเองต้องออกไปหางานนอกบริษัท บุคคลระดับสีเขียวสร้างรายได้จาก การสร้างทีมงานและระบบ เพื่อให้ทีมงานออกไปทํางานแทนตัวเอง

ระดับสีน้ําเงิน: วาทยกร (Blue : Conductor)

การอยู่ในระดับสีน้ําเงินปลดปล่อยคุณจากการมีงานล้นมืออยู่ตลอดเวลา บุคคลในระดับสีน้ําเงิน ลงทุนในหลายแหล่งและได้สร้างความเชี่ยวชาญในการบริหารทั้งเงินสดและต้นทุน พวกเษาจะอยู่ ในโลกที่แตกต่างจากระดับสีเขียวและระดับสีเหลือง บุคคลในระดับสีน้ําเงินพูดจาคนละภาษา มีจุดสนใจและชดตัวชีวัดแตกต่างจากไประดับก่อนหน้า อย่างสิ้นเชิง คนในระดับนี้คิดถึงการ ทําเงินในระดับร้อยล้านขึ้นไป

ปริซีมระดับนักเล่นแร่แปรธาตุ (The Alchemy Prism)

ระดับสีคราม: ผู้พิทักษ์ (Indigo : Trustee)

ระดับสีครามคือพื้นที่ของมหาเศรษฐี เมื่อคุณเชี่ยวชาญในระดับปรซิมกิจการแล้ว ความเชื่อมั่นจะ กลายมาเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดของคุณ และคุณสามารถนําความเชื่อมั่นนั้นมาทําเงินได้ในวิธีที่ คาดไม่ถึง เมื่อคุณเข้าใจกับระดับนี้อย่างถ่องแท้แล้วคุณจะมองความมั่งคั่งบนโลกนี้ต่างไปจากเดิม

ระดับสีม่วง: นักประพันธ์ (Violet : Composer)

บุคคลในระดับสีม่วงสามารถพิมพ์เงินมาใช้เองได้ พวกเขากําหนดกฎเกณฑ์ทางการเงินต่างๆ และแต่งเพลงให้คนในระดับอื่นเต้นตาม เพิ่งไม่นานมานี้เองที่ผู้ประกอบการ ผู้นําและชุมชนต่างๆ จากทั่วโลกได้เข้ามาสวมบทบาทนักประพันธ์มากขึ้น และปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์ทางเศรษฐกิจที่ มีอยู่เดิม

ระดับเหนือสีม่วง: ผู้สร้างตํานาน (Ultraviolet: Legend)

บุคคลที่อยู่ในระดับสีเหนือม่วงเป็นดั่งตํานานที่ผู้คนจดจํา ชื่อของพวกเขาเป็นสัญลักษณ์แทน ผลงานที่สร้างไว้ และกลายเป็นตํานานที่คนจะสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

หลัก 5 ประการของสเปคตรมแห่งความมั่งคั่ง (Wealth Spectrum)

ก่อนที่คุณจะได้เรียนรู้ผลการทดสอบของคุณในรายละเอียดมีหลักการ 5 ข้อที่พึงระลึกไว้เสมอ

เราทุกคนต่างอยู่ในสเปคตรัมแห่งความมั่งคั่ง

ไม่ว่าคนๆ หนึ่งจะมีสถานภาพทางเศรษฐกิจแบบใดก็ตาม เบาก็จะอยู่ในสเป๊คตรมแห่งความมั่งคั่งเสมอ นั่นหมายความว่าไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีหนี้สินหรือเป็น เศรษฐีเงินล้าน จะเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวหรือเป็นคนใจบุญสุนทานระดับโลก (global philanthropist) คุณก็จะอยู่ในชั้นใดวันหนึ่งจาก 9 ระดับของสเปคตรัมแห่งความมั่งคั่งเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

สเปคตรัมจะคงอยู่เสมอ

แต่ละระดับทองสเปคตรัมต่างก็มีบทบาทซึ่งทําให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นจะมีคนทั้ง 9 ระดับปรากฏอยู่เสมอ

สเปคตรมคือแผนที่สู่ความมั่งคั่งของคุณ

แต่ละระดับของสเปคตรัมต่างก็มีบทบาทซึ่งทําให้เงินหมุนเวียน ในระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นจะมีคน ทั้ง 9 ระดับปรากฏอยู่เสมอ

ระดับของคุณตัดสินความเป็นจริงในชีวิต

ทุกระดับในสเปคตรมแห่งความมั่งคั่งก็จะมีกระแสของความ ลื่นไหล (flow) และระดับของการรับรู้ (consciousness) ที่ต่างกัน เมื่อเราเปลี่ยนระดับ กระแสของความ ลื่นไหลของเราก็จะเปลี่ยนไป เราก็จะรับรู้สิ่งรอบตัวต่างไปเช่นกัน ปัญหาที่เผชิญและโอกาสที่คุณเห็นใน ชีวิตจะขึ้นอยู่กับระดับที่ คุณอยู่ เมื่อคุณเปลี่ยนระดับ คุณก็เปลี่ยนสิ่งที่เห็นเช่นกัน

จะมั่งคั่งแค่ไหน อยู่ที่คุณเลือกเอง

เมื่อคุณรู้ระดับของตนเอง คุณสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ในระดับใด จะขยับขึ้นหรือขยับลง เพราะแต่ละระดับก็มีต้นทุนที่ต้องจ่ายและประโยชน์ที่ได้รับต่างกันไป การรู้ระดับของตนเอง ทําให้คุณมีพลังที่จะจดจ่อไปยังสิ่งที่ต้องทําเพื่อเลื่อนระดับ คุณจะมั่งคั่งแค่ไหนก็อยู่ที่คุณเลือกเอง

เมื่อคุณเข้าใจระดับความมั่งคั่งของตนและรู้แล้วว่า เหตุใดเราจึงติดกับอยู่ในแต่ละระดับ คุณสามารถใช้ความเป็นอัจฉริยะในแบบ ของคุณเพื่อขยับเลื่อน เลื่อนระดับบนไปด้วยวิธีการที่เป็นธรรมชาติของตนเองมากที่สุด

ระดับสีแดง ผู้เอาตัวรอด (Survivor)

“ฉันมีเงินแค่พออยู่รอดเท่านั้น”

ตัวชี้วัด
มีเงินพอใช้แต่ไม่เหลือเก็บ
คุณสมบัติ
ความกระวนกระวาย,ความเครียด,ความโล่งใจ
ประโยนช์ของฉัน
การอดทน,ความสบาย,การมีความสุขแบบฉาบฉวยตรงหน้า
ต้นทุนของฉัน
ความเหนื่อยล้า,การยอมจำนน,ชีวิตตามสถานะการณ์เดิม
ศัตรูที่ทรงพลัง,ความเสี่ยงต่อชีวิต,บททดสอบอันยิ่งใหญ่
ความปรารถนาอันแรงกล้า (passion) และเครือข่ายคนสําเร็จ

ตัวชี้วัด

มีเงินพอใช้แต่ไม่เหลือเก็บ

ไม่ว่าคุณจะตกงานอยู่หรือมีสินทรัพย์มูลค่ารวมหลายร้อยล้านบาท หากกระแสเงินสดของคุณไม่บาดไม่เกินในทุกๆ เดือน ก็นับว่าคุณอยู่ในระดับสีแดง บุคคลที่อยู่ในระดับสีแดงอาจจะอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่และใช้จ่ายในการท่องเที่ยววันหยุด ในราคาแพงได้ แต่ถ้าพวกเขาอยู่ในระดับสีแดง พวกเขาก็อยู่ในจุดที่อันตรายอยู่ดี

ความอดรนทนไม่ได้ที่จะใช้จ่ายและใช้ชีวิตให้ล้ําหน้าไปกว่าใคร ทําให้คุณไม่มีเงินเหลือเก็บอยู่เสมอ คุณไม่ให้โอกาสเงินในการ ทําหน้าที่ตามสมควรเพื่อที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับคุณ และความเชื่อแบบนี้จะฉดรั้งให้คุณอยู่ในระดับสีแดงต่อไปเรื่อยๆ ถึง แม้คุณจะทํางานหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัวหรือหาเงินได้มากขึ้นเป็นสองเท่า การหลดออกจากระดับนี้จึงเป็นสิ่งสําคัญอันดับแรก ของคุณ

สภาพอารมณ์ของระดับนี้

ความเครียด, ความกดดัน ความโล่งใจ

ระดับสีแดงคือการกระเสือกกระสนอยู่ตลอดเวลาพร้อมกับความวิตกกังวล ซึ่งไม่ต่างจากการทับรถที่เต็มมาตรวัดน้ํามัน นั้นตกลงมาถึงปัดแดงแล้ว รถยังคงวิ่งได้อยู่แต่คุณก็ต้องกระวนกระวายใจมองหาปั้มน้ํามันที่ใกล้ที่สุด หากจิตใจของคุณ จดจ่ออยู่กับเรื่องนี้ คุณก็ไม่สามารถเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์หรือเป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีให้กับใครได้ และนั่นหมายความ ว่าความจดจ่อในการวิ่งเพื่ออยู่กับที่ของคุณทําให้คุณพลาดที่จะเห็น และตอบสนองต่อโอกาสทั้งหลายที่ปรกฎอยู่ตรงหน้า

สภาพที่เป็นอยู่นั้นทําให้คุณใช้เรื่องอื่นๆ มาดึงความสนใจของตนเองไป ทั้งทําตัวให้ยุ่งเป้าไว้ สร้างความบันเทิงให้ตนเองหรือ จัดการกับวิกฤตการณ์ต่างๆ จนคุณหมดเรี่ยวแรง วันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ช่วยพักความกระวนกระวาย ใจไปได้บ้าง ซึ่งคุณเองอาจจะไม่ได้คิดว่ามันคือความกระวนกระวายใจ แต่กลับคิดเป็นเรื่องปกติที่ต้องรู้สึกเช่นนั้นทว่าคุณก็ ยังหาทางหลีกหนี้อยู่ดี

สถานภาพนี้ก็เหมือนการเปิดก๊อกให้น้ำไหลลงอ่างน้ำที่ไม่มีจุกอุดก้นอ่าง น้ำก็จะไหลออกไปจนหมด นี่คือสภาพของผู้เอาตัวรอด ต่อให้คณเทน้ำให้ไหลเร็วขึ้นอีก 2 เท่า มันก็จะไหลออกจนหมดอยู่ดี ตราบใดที่ยังไม่มีการควบคุมการลื่นไหล ก็จะไม่มีทางเก็บสะสมอะไรไว้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเงินของคุณ เวลาของคุณ ทรัพยากรของคุณ หรือความใส่ใจของคุณ

มันไม่มีประโยชน์ที่จะหารายได้เพิ่ม หรือไล่ตามโอกาสใหม่ ๆ ในขณะที่คุณอยู่ในระดับนี้ เพราะคุณก็จะทําได้แค่หาเงินใช้เดือนชนเดือน ด้วยรูปแบบการเอาตัวรอดแบบเดิม ๆ แค่คุณมีกิจกรรมมากมายให้ทําเพิ่มมากกว่าเดิม และเสี่ยงที่จะหมดเรี่ยวหมดแรงได้หนักหนากว่าเดิม ความรู้สึกเช่นนี้ขัดขวางไม่ให้คุณทําตามแผนการใหม่ ๆ ที่วางไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะคุณรู้สึกสงสัยไปแล้วว่า คุณจะเอาพลังงานหรือเวลาจากไหนมาทําตามแผนเหล่านั้น

ประโยนช์ของฉัน

การอดทน,ความสบาย,การมีความสุขแบบฉาบฉวยตรงหน้า

ประโยชน์ของแต่ละระดับนั้นมักจะเห็นได้อย่างเด่นชัด แต่ประโยชน์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้เรายังคงอยู่ในระดับเดิมโดยที่ไม่รู้ตัว ถึงแม้เราจะต้องการเลื่อนระดับก็เถอะ

ทําไมจิตใต้สํานึกของเราถึงได้บอกว่า เราอยากอยู่ที่ระดับนี้ล่ะ? ก็เพราะระดับนี้เปิดโอกาสให้เราได้เล่นบทวีรบุรุษในละครน่ะ สี เราทุกคนเคยได้เห็นได้ฟังเรื่องราวของผู้รอดชีวิต และจิตวิญญาณของมนุษย์ผู้ไม่ยอมแพ้ เรารู้ดีว่าวีรUSษทั้งหลายต้อง อดทนต่อความยากลําบาก ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการเสียสละ จากนั้นจึงได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญจากคนรอบตัว

เมื่อความยากลําบากจบสิ้นลงในแต่ละครั้ง วีรบุรุษก็จะได้สูดลมหายใจเข้ายาวๆ แล้วรู้สึกว่า ได้ปลดเปลื้องโซ่ตรวนออกจาก กาย จากนั้นก็คุณก็ก้มลงไปหยิบโซ่ตรวนนั้นขึ้นมา แล้วกลับเข้าสู่สนามรบหรือความยากลําบากอีกครั้ง นี่คือการเสพย์ติด ประสบการณ์ผู้รอดชีวิตที่ยื่อให้คุณยังอยู่ในระดับนี้ต่อไป

นอกจากนี้ยังมีความสบายที่มาจากการไม่ต้องอยู่ตรงเส้นออกตัวของนักวิ่ง หรือการต้องเผชิญกับการตั้งเป้าหมายใหญ่ๆ ที่เราทําไม่สําเร็จ แล้วต้องบายหน้ากับตัวเองหรือคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราเคยมีประสบการณ์การล้มเหลวอย่าง เจ็บปวดมาก่อน อันที่จริง เราก็รู้ว่า เราสามารถบรรลุผลสําเร็จได้มากขึ้น และสร้างความแตกต่างได้มากกว่านี้ แต่ความ พยายามของเราจะคุ้มค่าหรือ? แล้วถ้าเป็นเรื่องการหยุดงานเพื่อไปเที่ยวหรือการลงทุนเพื่ออนาคตของเรามันจะไม่ดีกว่า หรือถ้าได้หยุดทันที หรือได้เห็นผลตอบแทนแบบทันทีทันใด?

ต้นทุนของฉัน

ความเหนื่อยล้า,การยอมจำนน,ชีวิตตามสถานะการณ์เดิม

มีคนมากมายที่อยู่ในระดับสีแดงนี้ อันที่จริงอุตสาหกรรมการเงินพึ่งพาคนในระดับนี้อยู่ นี่คือเหตุผลที่สถาบันการเงินทั้ง หลายมักจะให้เงินก็คณจนพอ เสนอเงื่อนไขสินเชื่อที่น่าพอใจ หรือให้ระยะเวลาสินเชื่อที่ยาวนานเพื่อรักษาลูกค้าอย่างคุณ เอาไว้ แต่การอยู่ที่ระดับนี้ก็มีต้นทุนราคาสงเช่นกัน ระดับสีแดงนั้นมีผลกระทบต่อคนรอบตัวมากเกินกว่าที่คุณจะจิตนาการ ได้ เมื่อคุณไม่ได้เติบโตทยายศักยภาพออกไป ศักยภาพของคุณก็กําลังลดน้อยถอยลง และการต้องกระเสือกกระสนเอาตัว รอดอยู่ตลอดเวลาก็ควบคมชีวิตคุณทุกวัน เด็กน้อยที่กระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดทําให้หัวใจของพ่อแม่แหลกสลาย และ พ่อแม่ที่กระเสือกกระสนก็ทําให้หัวใจของลกๆ แหลกสลายเช่นกัน เพราะความฝันถูกทําลาย จิตวิญญาณจึงห่อเหี่ยว แล้ว ความเป็นไปได้อันแท้จริงของชีวิตก็เหือดแห้ง แล้วสูญสิ้นไปในที่สุด

ความเหนื่อยล้าไม่ใช่สิ่งที่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างง่ายดาย เพราะมันจะค่อยๆ กลืนกินเราเข้าไป มันเล่นงานเราจากข้างใน จิตใจออกมาสู่ร่างกาย แล้วก็แwsvยายออกจากตัวคุณไปยังคนอื่นๆ รอบตัว ในท้ายที่สุด ความเหนื่อยล้านก็จะทําให้คุณ ยอมจํานนและล่าถอยออกจากงาน ละทิ้งความฝัน หรือยอมแพ้ต่อชีวิต เกือบทุกคนที่หลดพ้นจากระดับสีแดงออกไปได้ต่าง ก็ต้องประหลาดใจที่ได้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความเป็นจริงของระดับสีแดงได้ส่งผลเสียต่อสภาพและความสัมพันธ์ของพวก เบามากแค่ไหน

ผลกระทบนี้ยังทําให้งานหยุดชะงักอีกด้วย คนที่อยู่ในระดับสีแดงจะไม่สามารถมีแรงดึงดูดได้เมื่อทํางานอยู่ในทีม ไม่สามารถ ดึงดูดพันธมิตรหรือหุ้นส่วนใหม่ๆ ที่ปรึกษา หรือแม้กระทั้งโอกาสต่างๆ คนที่อยู่ในระดับความมั่งคั่งที่สูงกว่า สามารถใช้คําพูดแบบเดียวกับคนที่อยู่ในระดับสีแดง แต่กลับสามารถสร้างแรงดึงดูดได้ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นเป็นเพราะ ความปรารถนาอันแรงกล้า (passion) และแรงสั่นสะเทือน (momentum) ระดับสูงของพวกเขาทําให้พวกเขาเปล่งประกาย และมีพลังงานมากกว่านั้นเอง

ศัตรูที่ทรงพลัง,ความเสี่ยงต่อชีวิต,บททดสอบอันยิ่งใหญ่

ความปรารถนาอันแรงกล้า (passion) และเครือข่ายคนสําเร็จ

แน่นอนว่าตอนนี้คุณก็ได้รู้จักผู้เอาตัวรอดแล้ว แล้วทําไมการออกจากระดับนี้ถึงได้ยากนัก? นั่นเป็นเพราะวงจรความกดดัน และการรู้สึกปลดปล่อยทําให้คุณไม่เหลือพลังงานมากนักในแต่ละสัปดาห์ คุณไม่มีแหล่งพลังงานสะสมให้สามารถนํามาใช้ได้ บัตรผ่านทางเพื่ออกจากระดับผู้เอาตัวรอดไม่ได้มาจากข้างในตัวเราเอง แต่มาจากภายนอก มาจากความปรารถนาอันแรง กล้า (passion) และเครือข่ายคนสําเร็จ

ให้คุณจินตนาการว่า คุณมีบัญชีการฝากพลังงานเหมือนบัญชีฝากเงินในธนาคาร การพยายามถอนเงินจากบัญชีที่ไม่มีเงิน อยู่นั้นไร้ค่า ความปรารถนาอันแรงกล้า (passion) คือสิ่งที่ทําให้คุณกระเด้งออกจากเตียงในทุกเช้า เหมือนกับการขึ้นมาเพื่อเงินฝากเข้าบัญชีทุกๆ วัน จากนั้นเครือข่ายคนสําเร็จรอบตัวคุณและกระแสความ ลื่นไหล (flow) ของพวกเขาจะเชื่อมต่อคุณเข้ากับทรัพยากรจากภายนอกเพื่อฝากเข้าบัญชีของคุณให้เต็ม นั่นหมายความว่า คุณเชื่อมต่อกับคนที่อยู่ในปริซึมระดับกิจการ (Enterprise Prism) นะ ไม่ใช่เชื่อมต่อกับคนอื่นๆในระดับสีแดงด้วยกัน คนระดับสีแดงสองคนอยู่ด้วยกันก็ทําให้มันแดงยิ่งกว่าเดิมน่ะสิ!

ระดับความมั่งคั่งของคุณ

ระดับ 2 “น้ำพุ”

กิจการของคุณสร้างผลกระทบได้ในระดับ 2 คุณมีลูกค้ามากกว่า 10 คน แต่ยังไม่ถึง 100 คน เราเรียกระดับนี้ว่า น้ำพุ เพราะคุณได้สร้างแหล่งกำเนิด FLOW แต่ FLOW นั้นยังมีอยู่จำกัด คุณได้พิสูจน์แล้วว่า มีความต้องการซื้อสิ่งที่คุณเสนอ แต่คุณยังไม่ได้สร้างโมเดลซึ่งสามารถขยายได้ให้แก่ตลาดของคุณ ซึ่งหมายความว่า กิจการของคุณยังคงมีขนาดจำกัดและสร้างผลกระทบได้ในวงกำจัด

เส้นทางสู่การเป็นกิจการระดับ 3 คือการสร้างเส้นทางซึ่งมีหน่วยการวัดผล (unit metrics) ที่ชัดเจนและชี้วัดได้เพื่อดึงดูดตลาดของคุณให้มาหาคุณ หากไม่มี FLOW ที่ขยายขนาดได้นี้ คุณจะไม่สามารถสร้างทีมได้ คำถามที่คุณต้องตอบเพื่อขึ้นมาสู่ระดับ 3 คือ “เราได้ค้นพบเส้นทางซึ่งนำพาความต้องการของตลาดมาสู่บริการแก้ปัญหาของเราในแบบที่ทำซ้ำได้และวัดผลได้หรือยัง?” ทุก ๆ บริษัทซึ่งเติบโตไปถึงระดับ 3 และระดับที่สูงกว่าต่างรู้วิธีเพิ่ม FLOW ของตนเป็น 10 เท่า ด้วยการสร้างเส้นทางเช่นนั้นระหว่างลูกค้าและผลิตภัณฑ์

ระดับกิจการ 8 ระดับ

ระดับกิจการทั้ง 8 ระดับวัดผลกระทบที่บริษัทของคุณสามารถสร้างได้ การวัดนี้เป็นมาตรวัดแบบทวีคูณ โดยที่แต่ละระดับจะมีผลกระทบสูงกว่าระดับที่ต่ำกว่า 10 เท่า อ่านภาพรวมของแต่ละระดับด้านล่างนี้ โดยอ่านในบริบทของระดับกิจการที่บริษัทของคุณกำลังเป็นอยู่ และระดับที่คุณต้องการไปให้ถึง

ระดับ 0 “ทะเลทราย” ไม่มีลูกค้า
แยกจากกระแสของคุณค่า ทรัพยากร และเงิน

“ฉันพร้อมที่จะสร้างงานแทนที่จะหางานทำหรือพยายามตั้งกิจการหรือไม่?” ในระดับนี้ คนคนเดียวนั้นสร้างผลกระทบได้น้อยมากหรือสร้างไม่ได้เลย เนื่องจากไม่มีคุณค่าเพื่อแลกเปลี่ยนในระดับที่จะมีคนยินดีจ่ายเงินให้กับคุณค่านั้น นี่เป็นเวลาในการเชื่อมต่อกับลูกค้าเพียงคนเดียวหรือนายจ้างที่พร้อมจะจ่ายเพื่อให้มีคนแก้ปัญหาให้

ในระดับนี้ คือคนที่ยังไม่มีลูกค้า ไม่มีรายได้ที่ชัดเจนในสิ่งที่ทำอยู่ ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องเชื่อมต่อกับลูกค้าเพียงรายเดียว หรือนายจ้างที่ยินดีที่จะจ่ายเงินที่จะมีการแก้ไขปัญหาของพวกเขา

ระดับ 1 “โอเอซิส” (ลูกค้า 1-9 ราย)
บริการด้วยตนเองเพื่อแก้ปัญหาของคน 1 คน

“ฉันกำลังแก้ปัญหาให้ใครสักคนที่ไว้วางใจจ่ายเงินให้ฉันแก้ปัญหาให้หรือไม่?”

ในระดับขั้นแรกของการเริ่มต้นของกิจการนี้ สิ่งที่ต้องมุ่งเน้นคือการให้บริการลูกค้ารายแรก และดูแลให้มั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์หรือการบริการที่สร้างขึ้นมาร่วมกับคนอื่นนั้นสามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้ในแบบที่คู่ควรแก่การได้รับค่าตอบแทน และดีกว่าทางเลือกอื่น ๆ

ระดับ 2 “น้ำพุ” (ลูกค้า 10-99 ราย)
บริการลูกค้ากลุ่มเล็กเพื่อให้คุณค่าอย่างเต็มที่และปรับให้เหมาะสมกับตลาด

“ฉันสามารถขยายการแก้ปัญหาของฉันให้สามารถบริการคน 10 คน ในทางที่จะทำให้พวกเขาเต็มใจจ่ายเงินให้ฉันและแนะนำฉันให้คนอื่น ๆ ได้หรือไม่?”

ในระดับที่ 2 ของกิจการซึ่งเพิ่งเริ่มต้นนี้ สิ่งที่มุ่งเน้นยังคงเป็นการส่งมอบคุณค่าอย่างสูงสุดเพื่อให้แน่ใจว่า ลูกค้าจะกลับมาใช้บริการซ้ำพร้อมชวนเพื่อนมาด้วย คุณจะได้รู้ว่า สิ่งใดที่เพิ่มผลิตผลได้ (productive) สิ่งใดที่ทำซ้ำได้ (replicate) และสิ่งใดที่จำเป็นต้องคงความเฉพาะบุคคลไว้ (personalize)

ระดับ 3 “ลำธาร” (ลูกค้า 100-900 ราย)
โมเดลที่คาดการณ์ได้ ทำซ้ำได้ และสร้างรายได้ได้เพื่อใช้สร้างกิจการให้เติบโต

“เราได้ค้นพบเส้นทางซึ่งนำพาความต้องการของตลาดมาสู่บริการแก้ปัญหาของเราในแบบที่ทำซ้ำได้และวัดผลได้หรือยัง?”

ในระดับ 3 การมุ่งเน้นนั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการสร้างคุณค่า มาเป็นการใช้พลังทวีเพิ่มกับคุณค่านั้นในแบบที่คาดการณ์ได้ นี่คือเวลาในการสร้างเส้นทางสำหรับลูกค้าเพื่อขยายธุรกิจ แทนที่จะพึ่งพิงเพียงแค่การแนะนำปากต่อปาก

ระดับ 4 “แม่น้ำ” (ลูกค้า 1,000-9,000 ราย)
ทีมและเวลาที่ขยายได้เพื่อพัฒนากิจการที่ยั่งยืน

“เราได้ขยายทีมและเวลาให้เติบโตเพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้แม้ไม่มีฉันหรือยัง?”

ในกิจการระดับ 4 การมุ่งเน้นนั้นเปลี่ยนจากการสร้างเส้นทางสำหรับลูกค้าที่คาดการณ์ได้ มาเป็นการสร้างเส้นทางสำหรับคนมีความสามารถ เพื่อดึงดูดคนที่เหมาะสมมาเข้าร่วมทีม ถ้าหากไม่มีขั้นตอนนี้ เจ้าของกิจการจะยังคงเป็นคอขวดขัดขวางการเติบโตของกิจการต่อไป

ระดับ 5 “มหาสมุทร” (ลูกค้า 10,000-99,999 ราย)
ผู้นำตลาดที่ดึงดูดทรัพยากรและพันธมิตร

“ฉันได้สร้างชื่อเสียงซึ่งดึงดูดเงิน พันธมิตร และการสนับสนุน เพื่อใช้พลังทวีกับสิ่งเหล่านี้หรือยัง?”

ในกิจการระดับ 5 การมุ่งเน้นเปลี่ยนจากเส้นทางสำหรับลูกค้าและเส้นทางสำหรับคนมีความสามารถ มาเป็นการสร้างเส้นทางสำหรับเงินทุน ซึ่งดึงดูดนักลงทุน เงินทุน และทรัพยากรเพื่อการเติบโต หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องที่มุ่มเน้นในขั้นนี้ บริษัทจะเดินไปถึงขีดจำกัดในการให้เงินทุนตนเองเพื่อใช้สร้างความเติบโต

ระดับ 6 “ทะเลแห่งการเปลี่ยนแปลง” (ลูกค้า 100,000-999,999 ราย)
“เราได้กำหนดภารกิจ วัฒนธรรม และโมเดลที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ๆ ในการเดินทางของพวกเขาหรือยัง?”

มีกิจการเพียงไม่กี่แห่งที่ขึ้นมาถึงระดับ 6 นี้ได้ แต่พวกที่ทำได้นั้นคือ ผู้ที่สร้างการเคลื่อนไหวทางสังคมหรือภารกิจที่สร้างประโยชน์ให้คนอื่น ๆ นอกเหนือขอบเขตกิจการของตนเอง ด้วยขนาดของธุรกิจในระดับนี้สามารถสร้างผลกระทบต่อคนนับล้าน ๆ ได้ และถ้าต้องการเติบโตยิ่งกว่านี้ ต้องมีความรับผิดชอบในระดับทั่วทั้งอุตสาหกรรม

เพียงไม่กี่บริษัทที่จะมาถึงระดับ 6 เพราะผู้ที่มาถึงจุดนี้ได้นั้นจะต้อง สร้างการเคลื่อนไหวหรือภารกิจที่ได้รับความสนใจจากคนจำนวนมาก โดยสิ่งที่ทำนั้นสามารถส่งผลกระทบเชิงบวกและสามารถที่จะเติบโตต่อไป ในวงกว้างมากขึ้น

ระดับ 7 “เส้นขอบฟ้าใหม่” (ลูกค้ามากกว่า 1 ล้านคนขึ้นไป)
“เราได้กำหนดภารกิจ วัฒนธรรม และโมเดลที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ๆ ในการเดินทางของพวกเขาหรือยัง?”

บริษัทที่สร้างผลกระทบต่อลูกค้ามากกว่า 1 ล้านคนขึ้นไปสามารถทำเช่นนี้ได้เพราะไม่ได้เพิ่มความซับซ้อน แต่ทำความเรียบง่ายให้ทวีคูณ พวกเขาได้เปลี่ยนจากการแก้ปัญหาไปเป็นการทำเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ และเป็นวัตถุประสงค์ระดับโลกที่สามารถสร้างตำนานที่ยืนยาวได้

กิจการที่สามารถสร้างสิ่งดีๆให้กับผู้คนได้มากกว่าล้านคนนั้นไม่ใช่การสร้างความซับซ้อน แต่เป็นการสร้างความเรียบง่าย ซึ่งจะเป็นการสร้างธุรกิจที่มากกว่าเพียงแค่แก้ปัญหาให้ลูกค้า แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ หรือสิ่งที่เป็นการตอบโจทย์ที่ใหญ่ขึ้นไประดับโลก

หลักการ 3 ประการของผลกระทบ

ทุกระดับในทั้งแปดระดับของกิจการนั้นมีสามหลักการที่เหมือนกันซึ่งก่อร่างเป็นพื้นฐานให้กับระบบ Entrepreneur Dynamics กลไกการเพิ่มระดับของพลังทวีนั้นก็เหมือนกับกลไกการเปลี่ยนเกียร์รถยนต์ ดังนั้นการเข้าใจหลักการเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถเปลี่ยนผ่านจากระดับหนึ่งไปสู่ระดับถัดไปได้อย่างง่ายดาย

ระดับกิจการนั้นเป็นการเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ

แต่ละระดับจะมีผลกระทบสูงกว่าระดับที่ต่ำกว่า 10 เท่า เรากำลังมีชีวิตอยู่ในยุคของการทวีคูณ (exponential) เป็นยุคสมัยที่การสร้างให้บริษัทเติบโตจนมีมูลค่าพันล้านดอลลาร์นั้นใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี การใช้ระดับกิจการเหล่านี้ทำให้คุณสามารถสร้างเครื่องมือความเป็นผู้นำซึ่งมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้เร็ว (agile) แบบทวีคูณ เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเติบโตแบบทวีคูณได้

การพัฒนาผ่านแต่ละระดับนั้นคือสิ่งจำเป็น

คุณไม่สามารถข้ามระดับได้โดยไม่มีผลต่อเนื่องในแง่ลบเกิดขึ้น เพราะหากคุณก้าวหน้าเร็วเกินไป คุณก็จะต้องลดระดับ ย้อนกลับมาที่ระดับเดิมเพื่อแก้ไขสิ่งที่พลาดหรือข้ามไปให้ถูกต้อง สิ่งที่มุ่งเน้นและกลยุทธ์ของแต่ละระดับนั้นต่างกันออกไป และสูตรที่ทำให้ชนะในระดับหนึ่งจะกลายเป็นสูตรที่ทำให้แพ้ในระดับสูงขึ้นไป

กิจการของคุณจะถูกจำกัดโดยตัวคุณเอง

หากคุณอยู่ในระดับกิจการต่ำ ๆ อย่าเพิ่งไปมุ่งเน้นการสร้างความเติบโตให้กิจการ ให้คุณมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาตนเองให้เติบโต เมื่อคุณได้พัฒนาตัวคุณเองสู่ระดับกิจการที่สูงขึ้น คุณจะมีระดับความเชี่ยวชาญและการตระหนักรู้ที่สูงขึ้น แล้วกิจการของคุณก็จะเติบโตตามมาเอง

ในเนื้อหาส่วนถัดไป คุณจะได้ค้นพบองค์ประกอบ 5 ส่วนของกิจการของคุณ และได้เรียนรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับแต่ละส่วนนั้น ขอให้ใส่ใจกับสิ่งที่ไม่ควรทำเท่า ๆ กับสิ่งที่ควรทำ แต่ละระดับต้องใช้วิธีการและกลยุทธ์ที่แตกต่างจากระดับที่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าเสมอ

ขั้นตอนต่อไปของคุณ

จากที่คุณได้รู้ว่าธุรกิจของคุณอยู่ในระดับใดแล้วนั้น นี่คือ 3 ขั้นตอนที่คุณจะเริ่มการเปลี่ยนแปลง เพราะถ้าหากคุณรู้แต่ไม่ลงมือทำ มันย่อมไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรแน่นอน

ขั้นแรก ใน Microdegree Entrepreneur Dynamics

นั้นมีเนื้อหา ข้อมูลให้เรียนรู้อีกมาก พร้อมทั้งแบบฝึกหัดที่จะทำให้คุณได้ลองคิด ลองวางแผน และนำไปใช้จริง โดยเฉพาะกาดูว่าขั้นที่คุณอยู่นั้นคุณได้ทำสิ่งที่ควรทำแล้วหรือยัง และ หยุดสิ่งที่ไม่ควรทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตอนนี้ของคุณ ซึ่งจะส่งผลให้คุณสามารถเลื่อนไปขั้นถัดไป

เข้าร่วมกิจกรรมต่างกับพวกเรา

ไม่ว่าคุณจะอยู่มุมไหนในโลกนี้ ถ้าคุณเป็นคนไทย ใช้ภาษาไทย ตัวแทนของเราในประเทศไทยพร้อมต้อนรับเสมอ ทุกช่องทาง และสามารถเลือกกิจกรรมเพื่อเข้าร่วมได้ตามปฏิกิจกรรม

เลือกเมนทอร์ที่คุณรู้สึกว่าใช่

ทักทายกัน และเข้ามาพูดคุย หน้าที่ของเมนทอร์เราไม่ใช่คุณครู แต่เราคือกลุ่มนักธุรกิจที่ใช้เส้นทางนี้ แล้วได้ผลลัพธ์จึงอยากมาถ่ายทอด แบ่งปันประสบการณ์ ให้กับทุกๆคน อย่ามัวแต่คิด นี่คือเวลาที่คุณต้องตัดสินใจ และ ลงมือทำ.